รายการย่อแสดงทรัพย์สินและหนี้สิน ณ วันที่ 31 มีนาคม  2568
ประกาศ สหกรณ์ฯได้นำเงินปันผลและเฉลี่ยคืนดอกเบี้ยเข้าบัญชี ธ.กรุงไทยของสมาชิกแล้ว เมื่อวันที่ 15 ธ.ค.67 ปันผลร้อยละ 4.95 เฉลี่ยคืนร้อยละ 11.25 
ประกาศ เชิญประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2567 วันอาทิตย์ที่ 15 ธันวาคม 2567 ณ อุทยานการอาชีพชัยพัฒนา
ประกาศ รายชื่อผู้สมัครรับเลือกตั้งประธานกรรมการ

ประกาศ รายชื่อผู้สมัครรับเลือกตั้งกรรมการ
ประกาศ รับสมัครประธานกรรมการและคณะกรรม
การ
รายการย่อแสดงทรัพย์สินและหนี้สิน ณ วันที่ 30 กันยายน  2567

ประกาศ สหกรณ์ฯได้นำเงินปันผลและเฉลี่ยคืนดอกเบี้ยเข้าบัญชี ธ.กรุงไทยของสมาชิกแล้ว เมื่อวันที่ 25 ธ.ค.65
ประกาศ เชิญประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2566 วันเสาร์ที่ 23 ธันวาคม 2566 ณ อุทยานการอาชีพชัยพัฒนา
ประกาศ รายชื่อผู้ได้รับคัดเลือก เพื่อบรรจุเจ้าหน้าที่สหกรณ์

ประกาศ รายชื่อผู้สอบผ่านข้อเขียนตำแหน่งเจ้าหน้าที่สินเชื่อ

ประกาศ รายชื่อผู้มีสิทธิ์สอบคัดเลือกตำแหน่งเจ้าหน้าที่สินเชื่อ

ประกาศ เปิดรับเงินฝากออมทรัพย์พิเศษ

ประกาศ รับสมัครสอบคัดเลื่อกเจ้าหน้าที่สหกรณ์ ตำแหน่งเจ้าหน้าที่สินเชื่อ
ประกาศ รายชื่อผู้สมัครรับเลือกตั้ง กรรมการดำเนินการ

ประกาศ รายชื่อผู้สมัครรับเลือกตั้ง ผู้ตรวจสอบกิจการ
ประกาศ เปิดรับสมัครคณะกรรมการ,ผู้ตรวจสอบกิจการ

ประกาศ รายชื่อผู้สอบผ่านเพื่อบรรจุตำแหน่งผู้จัดการ

ประกาศ รายชื่อผู้มีสิทธิสอบสัมภาษณ์เพื่อบรรจุตำแหน่งผู้จัดการ

ประกาศ รายชื่อผู้มีสิทธิเข้าสอบคัดเลือก ตำแหน่งผู้จัดการ
ประกาศ รับสมัครบุคคลคัดเลือกเพื่อแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งผู้จัดการ 2566

ประกาศ ผลการเลือกตั้งประจำปี 2565

ประกาศ กำหนดการประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2565 วันอาทิตย์ที่ 25 ธ.ค. 65 ณ อุทยานการอาชีพชัยพัฒนา เมืองนครปฐม

ประกาศ รายชื่อผู้สมัครผู้ตรวจสอบกิจการ(เพิ่มเติ

ประกาศ เปิดรับสมัครผู้ตรวจสอบกิจการ(เพิ่มเติม)

ประกาศ รายชื่อผู้สมัครรับเลือกตั้ง ประธานกรรมการ 

ประกาศ รายชื่อผู้สมัครรับเลือกตั้ง กรรมการดำเนินการ
ประกาศ รายชื่อผู้สมัครรับเลือกตั้ง ผู้ตรวจสอบกิจการ
ประกาศ รับสมัครประธานกรรมการ,คณะกรรม,ผู้ตรวจสอบกิจการ

ประกาศ แจ้งย้ายที่ทำการแห่งใหม่

ประกาศ สหกรณ์ฯปรับลดการถือหุ้นรายเดือน

ประกาศ สหกรณ์ฯ ปิดรับเงินฝากออมทรัพย์พิเศษ

ประกาศ สหกรณ์ฯได้นำเงินปันผลและเฉลี่ยคืนดอกเบี้ยเข้าบัญชี ธ.กรุงไทยของสมาชิกแล้ว เมื่อวันที่ 20 ธ.ค.64
ประกาศ ผลการเลือกตั้งประจำปี 2564

ประกาศ กำหนดการประชุมใหญ่ประจำปี 2564 วันอาทิตย์ที่ 19 ธ.ค. 64 ณ อุทยานการอาชีพชัยพัฒนา เมืองนคปฐม

ประกาศ รายชื่อผู้สมัครรับเลือกตั้ง กรรมการดำเนินการและผู้ตรวจสอบกิจการ

ประกาศ แต่งตั้งคณะกรรมการจัดการเลือกตั้ง

ประกาศ สหกรณ์เปิดรับสมัครคณะกรรมการและผู้ตรวจสอบกิจการ

ประกาศ สหกรณ์ฯได้นำเงินปันผลและเฉลี่ยนคืนดอกเบี้ยเข้าบัญชี ธ.กรุงไทยของสมาชิกแล้ว วันที่ 30 พ.ย.63
ประกาศ ผลการเลือกตั้งประจำปี 2563

ประกาศ กำหนดการประชุมใหญ่ประจำปี 2563 วันอาทิตย์ที่ 29 พ.ย.63 ณ.อุทยานการอาชีพชัยพัฒนา เมืองนครปฐม
ประกาศ รายชื่อผู้สมัครรับเลือกตั้ง ประธานกรรมการ กรรมการดำเนินการและผู้ตรวจสอบกิจการ
ประกาส รับสมัครประธานกรรมการ,คณะกรรมการและผู้ตรวจสอบกิจการ

ประกาศ แต่งตั้งคณะกรรมการจัดการเลือกตั้ง

เรียนสมาชิกทุกท่านร่วมแสดงความคิดเห็นเรื่องสำนักงานแห่งใหม่ 
ประกาศ ตั้งแต่วันที่ 15 ก.ค.63 เป็นต้นไป สมาชิกสามารถฝากเงินออมทรัพย์พิเศษได้ต่อเดือนไม่เกิน 20,000 บาท
ประกาศ ตั้งแต่วันที่ 5 พ.ค.63 เป็นต้นไป สมาชิกที่จะยื่นเรื่องเงินกู้ฉุกเฉินหรือเงินกู้สามัญ ให้นำสลิปเงินเดือนย้อนหลัง 3 เดือน
ประกาศ มาตรการให้ความช่วยเหลือด้านหนี้สินของสมาชิกของสหกรณ์ออมทรัพย์สาธารณสุขนครปฐม จำกัด
แผนที่สำนักงานแห่งใหม่
ประกาศ ระหว่างวันที่ 21-29 ก.พ ขออภัยในความไม่สะดวก เนื่องจากย้ายไปแห่งใหม่ เริ่มเปิดให้บริการแห่งใหม่วันที่ 2 มี.ค.63 อาคารเลขที่ 642/77 ถนนน้อมเกล้า1 
          ต.พระปฐมเจดีย์ อ.เมืองนครปฐม จ.นครปฐม  
ประกาศ เรืองประชุมใหญ่วิสามัญ ประจำปี 2563 วันศุกร์ที่ 7 ก.พ.63 ณ ร.ร.วัดห้วยจรเข้วิทยาคม ห้อง 70 ปี ไทยประกันชีวิต อ.เมือง จ.นครปฐม เวลา 13.00น.
ประกาศ สหกรณ์ฯได้ดำเนินการโอนเงินปันผลพร้อมเงินเฉลี่ยคืนเข้าบัญชี ธ.กรุงไทยของสมาชิกทุกท่านแล้ว เมื่อวันที่ 17 ธ.ค.62
ประกาศ กำหนดวันประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2562 วันเสาร์ที่ 14 ธ.ค.62 ณ โรงแรมเวล ห้องแกรนด์ไดมอนด์ อ.เมือง จ.นครปฐม เวลา 8.30 - 12.00 น.

 

 

ประวัติความเป็นมาของสหกรณ์ออมทรัพย์สาธารณสุขนครปฐม จำกัด
สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนครปฐม มีความประสงค์จะจัดตั้งสหกรณ์ มาเป็นเวลานานแต่ไม่ประสบความสำเร็จ มาสำเร็จเมื่อ ปีพ.ศ. 2553    มีความประสงค์ที่จะจัดตั้งสหกรณ์ออมทรัพย์ฯขึ้นให้รู้จักการออมทรัพย์เพื่อสร้างชีวิตและความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น  มีสมาชิกแรกเริ่ม 70 คน ถือหุ้นแรกตั้ง 198,050 หุ้น เป็นเงิน 1,980,500 บาท ได้รับการจดทะเบียนตามพระราชบัญญัติสหกรณ์ เมื่อวันที่ 28 มิถุนายน 2553

โดยผู้จัดตั้งสหกรณ์ ได้คัดเลือกกันเองเพื่อทำหน้าที่  ดังนี้
นายปริวรรธน์ แสงพิทักษ์       เป็นประธานคณะผู้จัดตั้งสหกรณ์
นายณรกร อภิสกุลโรจน์         เป็นรองประธานคณะผู้จัดตั้งสหกรณ์
นางน้ำฝน โพธิ์สุพรรณพงศ์    เป็นเหรัญญิกคณะผู้จัดตั้งสหกรณ์
น.ส.วิภาดา ศุกร์ประเสริฐ       เป็นเลขานุการคณะผู้จัดตั้งสหกรณ์
นอกนั้นเป็นคณะผู้จัดตั้งสหกรณ์
นายสมบูรณ์  มณฑาสุวรรณ
นายคนึงเดช  เชื่อมวราศาสตร์
นางรัชนี  สุริยาวงษ์  
นางอรณิช  ชยันตรดิลก
นางสาวนิตยา  รอดผล
นางวิไลวรรณ  คมวัชรพงศ์

  การจัดตั้งครั้งแรกยังไม่ได้จ้างเจ้าหน้าหน้าที่สหกรณ์ จึงได้เจ้าหน้าที่งานประกันสุขภาพมาช่วยทำ คือ

1.น.ส.วิภาดา  ศุกร์ประเสริฐ  เจ้าหน้าที่บัญชี
2.นางฟองจันทร์  สายแดง  เจ้าหน้าที่การเงิน
3.น.ส.เยาวภา  บัวบาน  เจ้าหน้าที่คอมพิวเตอร์

ความเป็นมา

ประวัติสหรกรณ์

ประวัติสหกรณ์แห่งประเทศไทย
การสหกรณ์ในประเทศไทย มีมูลเหตุสืบเนื่องมาจาก เมื่อประเทศไทยได้เริ่มมีการติดต่อค้าขายกับต่างประเทศ มากขึ้นในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ ระบบเศรษฐกิจของชนบทก็ค่อยๆ เปลี่ยนจากระบบเศรษฐกิจแบบเพื่อเลี้ยง ตัวเองมาสู่ระบบเศรษฐกิจแบบเพื่อการค้า ความต้องการเงินทุนในการขยายการผลิตและการครองชีพจึงมีเพิ่มขึ้น ชาวนาที่ไม่มีทุนรอนของตนเองก็หันไปกู้ยืมเงินจากบุคคลอื่นทำให้ต้องเสียดอกเบี้ยในอัตราสูง และยังถูกเอาเปรียบจากพ่อค้านายทุนทุกวิถีทางอีกด้วย ชาวนาจึงตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบอยู่ตลอดเวลา ทำนาได้ข้าวเท่าใด ก็ต้องขายใช้หนี้เกือบหมด นอกจากนี้การทำนายังคงมีผลผลิตที่ไม่แน่นอนขึ้นอยู่กับสภาพดินฟ้าอากาศ ถ้าปีไหนผลผลิตเสียหายก็จะทำให้หนี้สินพอกพูนมากขึ้นเรื่อยๆจนลูกหนี้บางรายต้องโอนกรรมสิทธิ์ในที่นาให้แก่เจ้าหนี้ และกลายเป็นผู้เช่านา หรือเร่ร่อนไม่มีที่ดินทำกินไปในที่สุด

จากสภาพปัญหาความยากจนของชาวนาในสมัยนั้น ทำให้ทางราชการคิดหาวิธีช่วยเหลือ ด้วยการจัดหาเงินทุน มาให้กู้และคิดดอกเบี้ยในอัตราต่ำความคิดนี้ได้เริ่มขึ้นในปลายรัชการที่ 5 โดยกำหนดวิธีการที่จะช่วยชาวนาในด้านเงินทุนไว้ 2 วิธี คือ
วิธีที่ 1 จัดตั้งธนาคารเกษตรเพื่อให้เงินกู้แก่ชาวนา แต่ขัดข้องในเรื่องเงินทุนและหลักประกันเงินกู้ ความคิดนี้จึงระงับไป
วิธีที่ 2 วิธีการสหกรณ์ประเภทหาทุน วิธีนี้เกิดจากรัฐบาลโดยกระทรวงพระคลังมหาสมบัติในปัจจุบันคือ กระทรวงการคลังได้เชิญเซอร์เบอร์นาร์ด ฮันเตอร์ หัวหน้าธนาคารแห่งมัดราช ประเทศอินเดียเข้ามาสำรวจหาลู่ทางช่วยเหลือชาวนาได้เสนอว่าควรจัดตั้ง "ธนาคารให้กู้ยืมแห่งชาติ" ดำเนินการให้กู้ยืมแก่ราษฎร โดยมีที่ดินและหลักทรัพย์อื่นเป็นหลักประกันเพื่อป้องกันมิให้ชาวนาที่กู้ยืมเงินทอดทิ้งที่นาหลบหนี้สิน ส่วนการควบคุมเงินกู้และการเรียกเก็บเงินกู้ ท่านได้แนะนำให้จัดตั้งเป็นสมาคมที่เรียกว่า "โคออเปอราทีฟ โซไซ"(Cooperative Society) โดยมีหลักการร่วมมือกันเพื่อช่วยเหลือซึ่งกันและกันซึ่งคำนี้พระราชวงศ์เธอ กรมหมื่นพิทยาลงกรณได้ทรงบัญญัติศัพท์เป็นภาษาไทยว่า "สมาคมสหกรณ์" จึงกล่าวได้ว่าประเทศไทยเริ่มศึกษาวิธีการสหกรณ์ขึ้นในปี พ.ศ. 2457 แต่ก็ยังมิได้ดำเนินการอย่างไร จนกระทั่งในปี 2458 ได้มีการเปลี่ยนกรมสถิติพยากรณ์เป็นกรมพาณิชย์และสถิติพยากรณ์ ประกอบด้วยส่วนราชการ 3 ส่วน คือ การพาณิชย์ การสถิติพยากรณ์ และการสหกรณ์


การจัดตั้งส่วนราชการสหกรณ์นี้ ก็เพื่อจะให้มีเจ้าหน้าที่ดำเนินการทดลองจัดตั้งสหกรณ์ขึ้นและพระราชวรวงศ์เธอ กรมหมื่นพิทยาลงกรณ ในฐานะทรงเป็นอธิบดีกรมพาณิชย์และสถิติพยากรณ์ ขณะนั้นได้ทรงพิจารณาเลือกแบบอย่างสหกรณ์เครดิตที่จัดกันอยู่ในต่างประเทศหลายแบบ ในที่สุดก็ทรงเลือกแบบไรฟ์ไฟเซนและทรงยืนยันไว้ใน รายงานสหกรณ์ฉบับแรกว่า "เมื่อได้พิจารณาละเอียดแล้วได้ตกลงเลือกสหกรณ์ชนิดที่เรียกว่าไรฟ์ไฟเซน ซึ่งเกิดขึ้นในเยอรมันก่อน และซึ่งมุ่งหมายที่จะอุปถัมภ์คนจน ผู้ประกอบกสิกรรมย่อมๆ เห็นว่าเป็นสหกรณ์ชนิดที่เหมาะสม ที่สุดสำหรับประเทศไทย" จากการที่พระองค์ท่าน ทรงเป็นผู้บุกเบิกริเริ่มงานสหกรณ์ขึ้นในประเทศไทย บุคคลทั้งหลายในขบวนการสหกรณ์จึงถือว่าพระองค์ทรงเป็น "พระบิดาแห่งการสหกรณ์ไทย" สำหรับรูปแบบของไรฟ์ไฟเซนก็คือ สหกรณ์เพื่อการกู้ยืมเงินที่มีขนาดเล็ก สมาชิกจะได้มีความรับผิดชอบร่วมกัน ทำให้สะดวกแก่การควบคุมท้องที่ที่ได้รับการพิจารณาให้จัดตั้งสหกรณ์ คือ จังหวัดพิษณุโลก เนื่องจากเป็นจังหวัด ที่มีผู้คนไม่หนาแน่นและเป็นราษฎรที่เพิ่งอพยพมาจากทางใต้ จึงต้องการช่วยเหลือผู้อพยพซึ่งประกอบอาชีพการเกษตร ให้ตั้งตัวได้ รวมทั้งเพื่อเป็นการชักจูงราษฎรในจังหวัดอื่นทีมีผู้คนหนาแน่นให้อพยพมาในจังหวัดนี้ และเข้าทำประโยชน์ในที่ดินอย่างเต็มที่ ต่อมากรมพาณิชย์และสถิติพยากรณ์ จึงได้ทดลองจัดตั้งสหกรณ์หาทุนขึ้น ณ ท้องที่อำเภอเมือง จังหวัดพิษณุโลกเป็นแห่งแรกใช้ชื่อว่า "สหกรณ์วัดจันทร์ไม่จำกัดสินใช้" โดยจดทะเบียนเมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2459 มีพระราชวรวงศ์เธอกรมหมื่นพิทยาลงกรณ เป็นนายทะเบียนสหกรณ์ พระองค์แรก นับเป็นการเริ่มต้นแห่งการสหกรณ์ในประเทศไทยอย่างสมบูรณ์

ในระยะแรกตั้งสหกรณ์วัดจันทร์ไม่จำกัดสินใช้มีสมาชิกจำนวน 16 คน ทุนดำเนินงาน 3,080 บาท ซึ่งเป็นเงิน จากค่าธรรมเนียมแรกเข้า 80 บาท และเงินทุนจำนวน 3,000 บาท ได้อาศัยเงินกู้จากแบงค์สยามกัมมาจล จำกัด ซึ่งก็คือธนาคารไทยพาณิชย์ในปัจจุบัน โดยมีกระทรวงพระคลังมหาสมบัติเป็นผู้ค้ำประกัน และเสียดอกเบี้ยให้ธนาคารในอัตราร้อยละ 6 ต่อปี คิดดอกเบี้ยจากสมาชิกในอัตราร้อยละ 12 ต่อปี กำหนดให้สมาชิกส่งคืนเงินต้นในปีแรกจำนวน1,300 บาท แต่เมื่อครบกำหนดสมาชิกส่งคืนเงินต้นได้ถึง 1,500 บาท ทั้งส่งดอกเบี้ยได้ครบทุกราย แสดงให้เห็นว่าการนำวิธีการสหกรณ์เข้ามาช่วยแก้ไขความเดือดร้อนของชาวนาได้ผล และจากความสำเร็จของสหกรณ์วัดจันทร์ดังกล่าว รัฐบาลจึงได้คิดขยายกิจการสหกรณ์ไปยังจังหวัดอื่นๆแต่การจัดตั้งสหกรณ์ในระยะแรกนั้น นอกจากจะมีข้อจำกัดเรื่องเงินทุนแล้วยังมีข้อจำกัดในทางกฎหมายด้วย เพราะพระราชบัญญัติเพิ่มเติมสมาคม พ.ศ. 2459 ทำให้การจัดตั้งสหกรณ์ไม่กว้างขวางพอที่จะขยายสหกรณ์ออกไป หากจะให้การจัดตั้งสหกรณ์เจริญก้าวหน้าและมีความมั่นคงจะต้องออกกฎหมายควบคุมให้มีขอบเขตกว้าง ดังนั้นในเวลาต่อมาทางราชการจึงได้ประกาศยกเลิกพระราชบัญญัติเพิ่มเติมสมาคม พ.ศ. 2459 แล้วประกาศใช้พระราชบัญญัติสหกรณ์ พ.ศ. 2471นับเป็นกฎหมายสหกรณ์ฉบับแรก พระราชบัญญัติฉบับนี้ ได้เปิดโอกาสให้มีการรับจดทะเบียนสหกรณ์ประเภทอื่นๆ จากนั้นได้มีการแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติสหกรณ์ พ.ศ. 2471อีก 3 ครั้ง นับว่าการประกาศให้พระราชบัญญัติสหกรณ์ พ.ศ. 2471 ช่วยให้การจัดตั้งสหกรณ์ได้ขยายออกไปอีกมาก

ปี พ.ศ. 2478 มีการริเริ่มจัดตั้งสหกรณ์เช่าซื้อที่ดินที่จังหวัดปทุมธานีและได้จัดตั้งสหกรณ์ประเภทใหม่ๆ ขึ้นอีกหลายประเภท เช่น สหกรณ์บำรุงที่ดินสหกรณ์ค้าขาย สหกรณ์นิคมฝ้าย สหกรณ์หาทุนและบำรุงที่ดิน ในปี พ.ศ. 2480 ร้านสหกรณ์ได้ถูกจัดตั้งขึ้นเป็นแห่งแรกที่อำเภอเสนา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ชื่อว่าร้านสหกรณ์บ้านเกาะ จำกัดสินใช้ มีสมาชิกแรกตั้ง279 คน และได้มีการจัดตั้งร้านสหกรณ์ในลักษณะนี้อีกหลายแห่งเพื่อช่วยเหลือประชาชนเกี่ยวกับปัญหาค่าครองชีพ โดยจัดตั้งขึ้น ทั้งในส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และส่วนของประชาชน

การเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญที่สุดของขบวนการสหกรณ์ในประเทศไทย ก็คือการควบสหกรณ์หาทุนเข้าด้วยกัน โดยทางราชการได้ออกพระราชบัญญัติสหกรณ์ พ.ศ. 2511 เปิดโอกาสให้สหกรณ์หาทุนขนาดเล็กที่ดำเนินธุรกิจเพียงอย่างเดียวควบเข้ากันเป็นขนาดใหญ่ สามารถขยายการดำเนินธุรกิจเป็นแบบอเนกประสงค์ซึ่งจะเป็นประโยชน์แก่สมาชิก ได้มากกว่า ด้วยเหตุนี้สหกรณ์หาทุนจึงแปรสภาพเป็นสหกรณ์การเกษตรมาจนปัจจุบัน และในปี 2511 สันนิบาตสหกรณ์แห่งประเทศไทยได้ถือกำเนิดขึ้นมา เพื่อเป็นสถาบันสำหรับให้การศึกษาแก่สมาชิกสหกรณ์ทั่วประเทศ มีหน้าที่ติดต่อประสานงานกับสถาบันสหกรณ์ต่างประเทศ เพื่อให้เกิดความสัมพันธ์และความช่วยเหลือ ร่วมมือกันระหว่างสหกรณ์สากลในด้านอื่นๆ ที่มิใช่เกี่ยวกับการดำเนินธุรกิจโดยมีสหกรณ์ทุกประเภทป็นสมาชิก ซึ่งประเทศไทยได้กำหนดประเภทสหกรณ์ไว้6 ประเภท ตามประกาศกฎกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พ.ศ. 2516 ประกอบด้วยสหกรณ์การเกษตร สหกรณ์นิคม สหกรณ์ประมง สหกรณ์ออมทรัพย์ สหกรณ์ร้านค้า และสหกรณ์บริการ ซึ่งนับแต่สหกรณ์ได้ถือกำเนิดขึ้นในประเทศไทยจวบจนปัจจุบัน ผลการดำเนินงานของสหกรณ์ในธุรกิจต่างๆ ได้สร้างความเชื่อถือเป็นที่ไว้วางใจของสมาชิกจนทำให้จำนวนสหกรณ์ จำนวนสมาชิก ปริมาณเงินทุน และผลกำไรของสหกรณ์ เพิ่มขึ้นทุกปี ปัจจุบันมีสหกรณ์ทั่วประเทศ ณ วันที่ 1 มกราคม 2555 ประมาณ 7,964 สหกรณ์ และสมาชิก 10,827,490 คน การสหกรณ์ในประเทศไทยจึงมีความสำคัญต่อเศรษฐกิจของประเทศโดยเฉพาะ ต่อประชาชนที่ยากจน สหกรณ์จะเป็นสถาบันทางเศรษฐกิจและสังคมที่ช่วยแก้ไขปัญหาในการประกอบอาชีพ และช่วยยกระดับความเป็นอยู่ของประชาชนให้ดีขึ้น

ประโยชน์ที่สมาชิกจะได้รับจากสหกรณ์
 

สหกรณ์ออมทรัพย์เป็นองค์กรทางเศรษฐกิจที่มีอิทธิพลต่อเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศอยู่มิใช่น้อย  เพราะหากพิจารณาจำนวนสหกรณ์ออมทรัพย์ รวมถึงจำนวนสมาชิกที่มีอยู่เกือบทุกสาขาอาชีพไม่เว้นแม้แต่เกษตรกรในชนบทแล้ว เชื่อว่าต้องมีจำนวนหลายล้านคนที่เป็นสมาชิกสหกรณ์ออมทรัพย์ และได้รับประโยชนย์ในทางเศรษฐกิจจากสหกรณ์เป็นจำนวนมาก สหกรณ์ออมทรัพย์เป็นนิติบุคคล หรือเป็นบุคคลตามกฏหมายที่เกิดจากสมาชิกรวมหุ้นกันเพื่อช่วยเหลือกันในทางเศรษฐกิจเมื่อการเกิดขึ้นของสหกรณ์จากสมาชิก การดำรงอยู่ ความเจริญก้าวหน้ามั่นคง  สมาชิกจึงมีบทบาทและหน้าที่ที่สำคัญที่จะต้องร่วมด้วยช่วยกันทำหน้าที่ของตนเองให้เต็มที่และดีที่สุด สหกรณ์ไม่ใช่ของคนใดคนหนึ่งแต่เป็นของสมาชิกทุกท่าน หากพิจราณถึงคุณประโยชน์ของการเป็นสมาชิกสหกรณ์ออมทรัพย์  อาจแบ่งกออกเป็น 3 ประการ

  • ประการแรก  คือการเป็นแหล่งลงทุน ในรูปแบบของหุ้นและเงินฝาก  ซึ่งในการซื้อหุ้น สมาชิกจะได้รับค่าตอบแทนกลับในรูปแบบของ  “ปันผล” ซึ่งอยู่ในอัตราที่สูงกว่าการไปฝากเงินโดยทั่วไป  และการได้รับ”ดอกเบี้ย”  ในอัตราที่สูงสำหรับการฝากหรือออมเงินกับสหกรณ์  ยิ่งในสภาวะเศรษฐกิจที่ไม่ค่อยดี เงินล้นธนาคารพานิชย์ ดอกเบี้ยเงินฝากทุกประเภทกับสหกรณ์ กลับยังสามารถกำหนดในระดับที่สูงได้และเห็นความแตกต่างอย่างชัดเจน

  • ประการที่สอง คือการเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ง่ายขึ้น สะดวกขึ้น เพราะสมาชิกด้วยกันสามารถค้ำประกันเงินกู้กับสหกรณ์ได้ เป็นแนวทางในการแก้ปัญหาทางเศรษฐกิจของตนเองหรือของครอบครัว ซึ่งตรงนี้สหกรณ์ได้ทำหน้าที่เป็นแหล่งพึ่งพายามยากได้เป็นอย่างดี และสิทธิ์อันนี้หามิได้หากเราไม่ได้เป็นสมาชิกสหกรณ์  การเป็นหนี้เงินกู้สหกรณ์ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่ได้อะไรคืนสมาชิกทุกคนจะได้เงิน “เฉลี่ยคืน”  สำหรับส่วนของดอกเบี้ยเงินกู้ที่สมาชิกจ่ายให้กับสหกรณ์  ดังนั้นเงินเฉลี่ยคืนที่ได้รับก็ทำให้อัตราดอกเบี้ยเงินกู้สำหรับสมาชิก  “ถูกลง”  กว่าการกู้ยืมสถาบันการเงินอื่นอีกด้วย

  • ประการที่สาม   คือการได้รับสวัสดิการต่างๆมากมาย  ในฐานะสมาชิก จะได้รับการดูแลจากสหกรณ์เป็นอย่างดีและสิ่งดีๆเหล่านี้ ความพิเศษเหล่านี้หาไม่ได้จากที่อื่น         ถ้าไม่ใช่สมาชิก  “สหกรณ์ออมทรัพย์”

*เงินปันผล
       เมื่อสิ้นปีบัญชี สหกรณ์ออมทรัพย์ฯจะจ่ายเงินปันผลให้แก่สมาชิกตามมติที่ประชุมใหญ่จัดสรรให้ทั้งนี้ต้องไม่เกินอัตราสูงสุดที่พระราชบัญญัติสหกรณ์กำหนด(ไม่เกินร้อยละ
10 ต่อปี) โดยคิดให้ตามส่วนระยะเวลา ซึ่งสมาชิกจะได้รับเงินปันผลตามหุ้นเต็มจำนวน โดยได้รับยกเว้นภาษีเงินได้ เงินปันผลแต่ละปีอาจเพิ่มขึ้นหรือลดลงอยู่กับผลประกอบการของสหกรณ์
*เงินเฉลี่ยคืน
      สมาชิกที่กู้เงินกับสหกรณ์ เมื่อสิ้นปีบัญชี สหกรณ์ออทรัพย์ฯจะจ่ายเงินเฉลี่ยคืนให้ตามจำนวนของดอกเบี้ยของปีบัญชี เว้นแต่สมาชิกผิดนัดการชำระหนี้สหกรณ์ มิให้ได้รับเงินเฉลี่ยคืนสำหรับปีนั้น อัตราเงินเฉลี่ยคืนไม่จำกัดขึ้นอยู่กับมติที่ประชุมใหญ่จัดสรรให้
*ดอกเบี้ยเงินฝาก
      โดยปกติสมาชิกจะได้รับดอกเบี้ยเงินฝากในอัตราที่สูงกว่า หรืออย่างน้อยเทียบเท่าอัตราดอกเบี้ยเงินฝากของธนาคารพาณิชย์โดยทั่วไป และในส่วนของเงินฝากออมทรัพย์ยังได้รับการยกเว้นภาษีดอกเบี้ยเงินกู้
*ดอกเบี้ยเงินกู้่
      สหกรณ์ออมทรัพย์จะคิดดอกเบี้ยเงินกู้ในอัตราที่ต่ำกว่า หรือเท่ากับอัตราดอกเบี้ยเงินกู้จากสถาบันการเงินอื่น ดอกเบี้ยทั้งปีเท่าไหร่สหกรณ์เฉลี่ยคืนให้กับสมาชิกด้วย
*สวัสดิการ
      สหกรณ์ออมทรัพย์จะมีทุนสวัสดิการเพื่อช่วยเหลือเกื้อกูลช่วยเหลือซึ่งกันและกัน 
 
 แหล่งที่มา สหกรณ์ออมทรัพย์ครูกาฬสินธุ์ จำกัด,สหกรณ์ออมทรัพย์การประปาส่วนภูมิภาค